เงินตรา


โดยทั่วไป เงินจำแนกออกได้เป็น 3 ชนิด ได้แก่ เงินเหรียญ เงินกระดาษ และเงินในบัญชี
                ภาวะเงินเฟ้อ หมายถึง ภาวะที่ระดับราคาของสินค้าหรือการบริการในช่วงระยะเวลาหนึ่งสู้ขึ้นเรื่อยๆ อย่างต่อเนื่อง จนแม้มีเงินมากก็ซื้อสินค้าได้จำนวนน้อย เป็นภาวะที่ตรงกันข้ามกับ ภาวะเงินฝืด
                ชนิดราคาของธนบัตร ยิ่งมีจำนวนเลขศูนย์มาก ยิ่งแสดงว่าประเทศนั้นประสบกับภาวะเงินเฟ้อสูง
                ค่าเงินแข็งตัว หมายถึง การที่ค่าเงินสกุลหนึ่งมีค่ามากขึ้นเมื่อเทียบกับเงินสกุลอื่น
                ค่าเงินอ่อนตัว หมายถึง การที่ค่าเงินสกุลหนึ่งมีค่าลดลงเมื่อเทียบกับเงินสกุลอื่น
เมื่ออยู่ในธนาคารหรือร้านแลกเงิน มักปรากฏรหัสของเงินตราแต่ละประเทศเป็นตัวอักษรละติน 3 ตัว ตัวอักษรเหล่านั้นคือ รหัส ISO 4217         ซึ่งเป็นมาตรฐานสากลสำหรับสกุลเงินที่ใช้ในประเทศต่างๆ โดยตัวอักษรได้มาจากชื่อประเทศรวมกับชื่อสกุลเงินทีใช้ในประเทศนั้นๆ เช่น เงินบาท-Thai Bath รหัส ISO 4217 คือ THB
                หลักของมูลค่าเงินเรียกว่า มาตรฐานเงินตรา เป็นการกำหนดกฎเกณฑ์ และกำหนดมูลค่าของวัตถุสิ่งใดสิ่งหนึ่ง หรือหลายสิ่งเป็นมาตรฐาน
มาตรฐานเงินตราแบ่งออกเป็น มาตรฐานเงินตราอิงโลหะมีค่า มาตรฐานเงินตราที่ไม่อิงโลหะมีค่า และมาตรฐานผสมภายใต้กองทุนการเงินระหว่างประเทศ
                โลหะมีค่าที่ใช้ในการกำหนดมาตรฐานเงิน ได้แก่ ทองคำและโลหะเงิน
                การใช้มาตรฐานเงินตราที่ไม่อิงโลหะมีค่า เกิดขึ้นในช่วงหลังปี ค.ศ. 1930 ที่เศรษฐกิจทั่วโลกตกต่ำ และประเทศต่างๆ ขาดแคลนโลหะ โดยมาตรฐานเงินตราที่ไม่อิงโลหะมีค่าประกอบด้วย มาตรฐานกระดาษ มาตรฐานปริวรรตเงินตราต่างประเทศ และมาตราโภคภัณฑ์สำรอง
ลักษณะสำคัญของมาตรฐานกระดาษ ได้แก่ เป็นธนบัตรซึ่งมีมูลค่าไม่เต็มตัว ไม่สามารถนำเงินตราชนิดใดไปไถ่ถอนโลหะมีค่าได้ แลกกันได้เฉพาะกับธนบัตรด้วยกันเท่านั้น มีรัฐเป็นผู้เดียวที่สามารถผลิตเงินได้ และทำหน้าที่ควบคุมปริมาณการออกเงินอย่างใกล้ชิด
                มาตรฐานปริวรรตเงินตราต่างประเทศ ใช้หลักอ้างอิงกับเงินตราต่างประเทศ เช่น กรณีอิงกับเงินดอลลาร์ เรียกว่า มาตรฐานปริวรรตเงินดอลลาร์                         เมื่อจะผลิตเงินกระดาษออกใช้ก็ต้องมีทุนสำรองเป็นเงินดอลลาร์ตามอัตราส่วนที่กฎหมายบัญญัติไว้
                มาตรฐานโภคภัณฑ์สำรอง อ้างอิงกับโภคภัณฑ์หลายชนิดของประเทศ เช่น ข้าว ข้าวโพด ข้าวสาลี ดีบุก
                ธนบัตรที่ใช้อยู่ในปัจจุบันเป็นเงินที่มีค่าไม่เต็มตัว หรือเรียกว่า เงินเครดิต เพราะธนบัตรทุกชนิดราคามีค่าในทางเป็นเงินมากกว่าค่าของสิ่งของที่ทำเงินนั้นขึ้นมา เช่น ธนบัตรใบละ 100 บาท อาจมีราคาค่ากระดาษและค่าพิมพ์ไม่ถึง 5 บาท
                ภาพใหญ่บนธนบัตรทั้งด้านหน้าและด้านหลัง มีศัพท์เฉพาะเรียกว่า ภาพประธาน ส่วนภาพอื่นที่อยู่รอบภาพประธานเรียกว่า ภาพประกอบ
ลายน้ำ กระดาษฟอยล์ ช่องใส ภาพซ้อนทับบนธนบัตร มีไว้เพื่อป้องกันการปลอมแปลงธนบัตร
                ภาพซ้อนทับ คือภาพที่เมื่อมองจากด้านหน้า หรือด้านหลังธนบัตรเพียงด้านเดียวจะเห็นเป็นภาพเว้าแหว่ง จนยกขึ้นส่องไฟจึงจะเห็นภาพจากทั้งสองด้านของธนบัตรมาประกอบกันเป็นภาพสมบูรณ์ ธนบัตรที่ใช้เทคนิคนี้ เช่น ธนบัตรของประเทศอินโดนีเซียที่ใช้ตราสัญลักษณ์ธนาคารเป็นภาพซ้อนทับ
                ในสมัยสงครามโลกครั้งที่ 2 ญี่ปุ่นยกพลเข้าสู่ภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้แล้วได้พื้นที่บางส่วนไว้ในปกครอง จากนั้นได้ดำเนินการออกใช้ธนบัตรให้ดินแดนใต้อำนาจของตนใช้ร่วมกัน ดินแดนในคาบสมุทรมลายูเรียกเงินเหล่านี้ว่า เงินกล้วย ตามภาพต้นกล้วยที่ปรากฏบนธนบัตรชนิดราคา 10 ดอลลาร์
                เงินที่ออกใช้โดยญี่ปุ่นในบริเวณอื่น ได้แก่ พม่า เรียกว่า เจแปนนีสรูปี ในหมู่เกาะอินเดียตะวันออกของดัตซ์ เรียกว่าเจแปนนีสกิลเดอร์ และในฟิลิปปินส์ เรียกว่า เจแปนนีสสเปโซ ซึ่งส่วนใหญ่เงินดังกล่าวไม่ค่อยมีค่าและใช้ในช่วงเวลาสั้นๆ เท่านั้น
                การรวมตัวของประชาชาคมเศรษฐกิจอาเซียน หรือ ASEAN Economic Community : AEC  จะเริ่มขึ้นอย่างเป็นทางการในปี ค.ศ. 2015 ซึ่งมุ่งเน้นให้อาเซียนเป็นตลาดและศูนย์กลางของฐานการผลิตโลก
                เพื่อให้การพัฒนา AEC ประสบความสำเร็จ จึงมีการหารือกันในการประชุมสุดยอดผู้นำอาเซียน ที่กรุงพนมเปญ ประเทศกัมพูชา ระหว่างวันที่ 26-30 มีนาคม ค.ศ. 2012 ที่จะให้มีธนาคารกลางอาเซียน โดยเป้าหมายหลักของธนาคารกลางอาเซียน คือกำกับดูแล อำนวยความสะดวก และให้บริการทางการเงินในประชาคมอาเซียน หลังการเปิดเสรีในปี ค.ศ. 2015
                ภายใต้ AECจะมีการเคลื่อนย้ายเงินไปมาระหว่างประเทศมากขึ้น ประเทศต่างๆ 10 ประเทศจะสามารถชำระสินค้าและบริการข้ามประเทศทางอิเล็กทรอนิกส์ได้อย่างสะดวก และเสียค่าใช้จ่ายน้อยลง มีการเชื่อมโยงระบบเอทีเอ็มพูลให้เป็นเครือข่ายเดียวกัน ซึ่งจะทำให้สามารถใช้บัตรใบเดียวกดเอทีเอ็มได้ทุกที่ใน 10 ประเทศสมาชิกอาเซียน
ในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้กำลังมีความพยายามที่จะใช้การแลกเปลี่ยนเงินตราโดยตรงด้วยสกุลเงินท้องถิ่น ไม่ต้องใช้เงินดอลลาร์สหรัฐอย่างที่เคยใช้ เพื่อลดความเสี่ยงจากความผันผวนของค่าเงินดอลลาร์สหรัฐ แต่การจะรวมสกุลเงินเข้าไว้เป็นสกุลเดียวอย่างสกุลเงินยูโรของสหภาพยุโรปหรือไม่ ยังเป็นสิ่งที่ต้องติดตามในอนาคต

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น